5 วิธีช่วยเพิ่มความมั่นใจในตัวเอง
ในช่วงเวลาที่สำคัญ บางครั้งแม้แต่ซีอีโอหรือผู้นำชื่อก้องโลก ยังรูสึกขาดความมั่นใจ เราะความมั่นใจไม่ใช่คุณสมบัติที่จะคงอยู่ตลอดเวลา ในทางกลับกัน ความมั่นใจคือความเชื่อที่จะมีผลต่อพฤติกรรมของเราซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้และฝึกฝนเหมือนกับความสามารถด้านอื่นๆสำหรับคนที่ต้องการเรียกความมั่นใจเพื่อปลุกไฟในตัวเอง มาดู 5 วิธีที่จะช่วยเพิ่มความมั่นใจกันเลย
- มีท่าทีพร้อม ภาษากายนี่แหละที่จะเป็นตัวชี้วัดว่าเรามีความมั่นใจ หรือหวาดหวั่น เมื่อได้แสดงกิริยาที่บ่งบอกถึงความมั่นใจ ตัวเราจะไม่รู้สึกอยู่ใต้การบังคับบัญชาของใคร ทำให้คนอื่นสัมผัสได้และพร้อมที่จะเชื่อมั่นในตัวเรา เริ่มง่ายๆ เพียงเชิดหน้า ยืดตัวตรง สบตา คู่สนทนาเวลาพูดคุย และจับมือทำทายอย่างให้เกียรติ
- แต่งกายเหมาะสม เสื้อผ้าหน้าผมก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเสริมความมั่นใจได้เช่นกัน การมีบุคลิกภาพที่จะช่วยให้เรารู้สึกไม่ด้อยกว่าคนอื่น แนะนำให้แต่งกายในแบบที่ตัวเองชื่นชอบและให้การแต่งการยนั้นนำเราไปสู่ความสำเร็จ อย่างกลัวที่จะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงผ่านเครื่องประดับสไตล์ หรือสีสันของเนคไท หรือสีสันเหล่านั้นอาจเป็นสิ่งที่สร้างคาแรคเตอร์ให้เป็นที่น่าจดจำ
- คำพูดดี ผู้พูดที่ดีต้องพูดด้วยความมั่นใจ ใช้โทนเสียงที่เป็นจังหวะ เว้นวรรคบ้างเพื่อเน้นถึงสิ่งที่สำคัญ และหลีกเลี่ยงคำพูดติดปากที่ทำให้บทสนทนาไม่ลื่นไหลวิธีการพูดที่ฉะฉานแต่น้ำเสียงไม่แข็งกร้าวจะแสดงออกถึงความมั่นใจในสิ่งที่พูดหลีกเลี่ยงการพูดพึมพำเสียงเบาที่ดูไร้ความมั่นใจ แค่นี้ผู้คนก็จะหันมาสนฟังสิ่งที่เราสื่อสารมากขึ้น และพวกเขาสัมผัสได้ถึงความเป็นผู้นำที่มีอยู่ในตัวเรา
- คิดบวก พลังงานเชิงบวกจะนำไปสู่ผลลัทธ์เชิงบวกเสมอ เราจึงควรคิดในแง่บวกว่าสามารถรับมือได้ทุกสถานการณ์ หลีกเลี่ยงความคิดในแง่ลบที่บั่นทอนความมั่นใจ หมั่นพูดคุยกับคนที่มีทัศนคติเชิงบวกแล้วเราจะรู้สึกดีขึ้น และคนที่ร่วมง่านกับเราก็จะมีความสุขไปด้วย
- ลงมือทำ นอกจากบุคคิกภาพ การวางตัว คำพูดและความคิดแล้ว ยังมีอีกหลายอย่างที่แสดงให้เห็ฯถึงความมั่นใจ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การปฏิบัติจริง ซึ่งหารเราเป็นคนที่ไม่ค่อยกล้าแสดงออก หรือไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น สิ่งที่ควรทำให้เป็นนิสัยคือ การฝึกฝนทำการบ้านเพื่อพร้อมสำหรับสถานการณ์จริง ลองหาจุดเด่นและจุดด้อยของตัวเอง แล้วฝึกฝนเพื่อชูจุดเด่นปรับปรุงจุดด้อย และพกพาความมั่นใจไปด้วยเสมอ
Pitcha…
ขอบคุณข้อมูลจาก M2F 7 สิงหาคม 2017
update 29/08/2017
**********************************************************************************************
เทรนด์ออฟฟิตในฝัน
เทรนด์การตกแต่งพื้นที่นั่งทำงานให้มีลูกเล่นน่าสนใจ ดูท่าจะมีผลต่อการำงาน จองผู้คนยุคนี้เสียวจริงๆ จากเดิมที่เคยแบ่งเป็นคอกหรือใช้ฝันกั้น แต่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเริ่มมีออฟฟิตสำนักงานหันมารีโนเวทสถานที่ด้วยดีไซน์ที่ตอบโจทย์คนทำงาน เติมเต็มแรงบันดาลใจกันแบบไม่จำเจ ทั้งบริษัทเอเยนซี่โฆษณา ออฟฟิตดีไซน์ หรือแม้กระทั้ง co-working space สำหรับสตาร์ทอัฟรายย่อยที่สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการพื้นที่ดีไซน์ดีๆ พร้อมฟังก์ชั่นห้องประชุม ห้องทำงานที่มีประสิทธิภาพทัดเทียมออฟฟิตในฝัน

ลักษณะเด่นๆที่พบเนส่วนใหญ่จะมี
สายคลีน ซึ่งเป็นจุดเด่นของออฟฟิตสไตล์โมเดิร์น พวกเขามักจะเก็บสายไฟที่ห้อยระโยงรยางค์ให้มิดชิด ไม่ว่าจะสายเสียบคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะหรือชุมสายโทรศัพท์โดยเลือกใช้โซลูชั่นการทำงานไอที เช่น การจัดเก็บข้อมูลบนระบบคลาวด์ แทนที่การใช้แฟ้มหรืออุปกรณ์สำนักงานแบบเดิมๆ
สภาพแวดล้อมน่าอยู่ ทั้งการยกความสดชื่นของสวนสีเขียวมาไว้กลางออฟฟิตเหมือนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ รู้สึกผ่อนคลายกว่าเดิม หรือจะแบ่งมุมสันทนการไว้ใกล้ๆ ใครติดงานไม่ออกก็เปลี่ยนบรรยากาศไปผ่อนคลายในมุมอื่นๆ ของออฟฟิตก่อนได้ รวมถึงระบบอัจฉริยะของอาคารสำนักงานที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าจำเป็นอย่างมากในสมัยนี้
ที่ไหนก็ทำงานได้ บางออฟฟิตเลือกที่จะดีไซน์พื้นที่บริเวณเลานจ์ให้น่านั่ง สบาย ดีไซน์เก๋ มีฟังก์ชั่นเหมาะสำหรับต้อนรับแขกผู้มาเยือน และสามารถสร้างสรรค์ประสบการณ์พิเศษสำหรับคนทำงาน โดยพวกเขาอาจนั่งประชุม ทำงานร่วมกันแบบไม่ต้องซีเรียสเกินเหตุได้
Pitcha…
ขอบคุณข้อมูลจาก HIVE issue 37 – June 2017
Update 14/08/2017
****************************************************************************************************
What’s slow life

คำว่าสโลว์ไลฟ์ ก็เหมือน Hipster ตรงที่ถ้าคุณโยนโครมใส่กูเกิ้ลมันจะมีคำตอบให้คุณมากมายจนสุดท้ายกลายเป็นความคลุมเครือว่ามันคืออะไรกันแน่ จากการประมวลผล จะได้ผลลัพธ์ที่ได้ดังนี้
การใช้ชีวิตอย่างช้าๆเพื่อความเพลิดเพลิน ไม่เร่งรีบตามกระแสสังคน ความเรียบง่ายในชีวิตครอบคลุมตั้งแต่เรื่องการกินอาหารเพื่อสุขภาพ ที่ทำเอง โดยใช้วัตถุดิบที่ปลอดสารเคมี ออกกำลังบ้าง มองโลกอย่างสดใส ใส่ใจในรายละเอียดรอบๆตัว เปี่ยมด้วยแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต
เอาเข้าจริงแล้ววิถีสโลว์ไลฟ์ไม่ใช่ของใหม่ ศัพท์นี้ถูกสถาปนาโดยวีโอ บาบัวต้า บล็อกเกอร์ผู้ก่อตั้ง Zen Habits เว็บบล็อกยอดนิยมของโลกในปี 2010 จากการจัดอันดับของนิตยสาร Times ลีโอเป็นคนแรกๆที่จุดกระแสการใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย หนึ่งในโครงการที่น่าสนใจของเขาคือ The 100 things challenge ซึ่งเป็นโครงการที่ท้าทายให้คนจำกัดสิ่งที่ตัวเองจะยึดถือเป็นเจ้าของอยู่ที่ไม่เกิน 100 ชิ้นหรือต่ำกว่า (ก่อนจะลดเหลือแค่ 50 things ในเวลาต่อมา) หรือแม้แต่ในประโทศไทย การใช้ชีวิตแบบพอเพียงอย่างคุณโจน จันได ผู้ก่อตั้งศูนย์การเรียนรู้เพื่อการพึ่งตนเอง เกษตรกรผู้ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายอยู่บ้านดิน ปลูกผักกินเอง มากว่า 20 ปี ถือว่าเป็นฮิบสเตอร์รุ่นแรกๆผู้มาก่อนกระแสโลกด้วยซ้ำ

หากมองด้วยการปราศจากอคติ slow life ก็เป็นแค่หนึ่งในรูปแบบการใช้ชีวิต ที่เป็นคนละเรื่องกับความขี้เหนียวหรือความไม่มุ่งมั่น เพราะรูปแบบการใช้ชีวิตและวิธีไปถึงเป้าหมายของแต่ละคนไม่เหมือนกันการไปตัดสินวิถีชีวิตของคนๆหนึ่งจึงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถ และไม่สมควรกระทำ เพราะคนเราล้วนมีสิทธิเลือกวิถีชีวิตของตนเอง รูปแบบที่เหมาะสมของแต่ละคนล้วนแตกต่างกัน ไม่มีถูกผิดแน่นอนตายตัวอยู่แล้ว.....
Pitcha..
ขอบคุณข้อมูลจาก Walk issue 23
Update 28/07/2017
**********************************************************************************

FinTech Effect โลกธนาคาร
แค่จุดเริ่มของการเปลี่ยนแปลง
คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ (star-ups) ที่อาศัยเทคโนโลยีขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เห็นได้จากกระแสFinancial Technology หรือ Fintech เป็นตัวอย่างที่ดีในกรณีนี้ การอาศัยพฤติกรรมผู้บริโภคจากสังคมโซเชียลถูกไดร์ฟโดยเครื่องมืออันทรงพลังอย่างอินเทอร์เน็ตและสมาร์ตโฟนนั่นย่อมทำให้โลกใบนี้หาทุกอย่างได้เพียงแค่ปลายนิ้ว
ธุรกิจที่กำลังกล่าวถึง Ecosystem ที่เหล่าคนหัวคิดรุ่นใหม่หวังจะหร้างบรบทใหม่ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่เดินทางมาถึงปลายอุโมงค์ เป็นขั้นตอนแบบสมบูรณ์ ผ่านองค์ประกอบ 4 อย่างคือ Social media, Mobile, Analytics และ Could ย่อยสร้างแรงกระเพื่อมได้อย่างน่าสนใจ แต่สำหรับข้อคิดจากทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการธนาคารและกรรมการผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพจำกัด (มหาชน) ที่บอกไว้อย่างน่าสนใจว่า วันนี้ทุกคนให้ความสนใจ FinTech แต่ยังมีมุมมองต่อ FinTech ไม่เหมือนกัน
นิยามของ FinTech เป็นธุรกิจเกิดใหม่ แค่ปัจจุบันทุกคนต่างตื่นเต้นกับ Business Model นี้ และบทสรุปของธนาคารกรุงเทพจึงอยู่ในขั้นเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ส่วนอนาคจะร่วมมือให้เกิดประโยชน์ทั้งสองฝ่ายได้อย่างไร เป็นเรื่องที่ต้องติดตาม
ผมเห็นด้วยกับคำกล่าวเหล่านี้เหมือนยุค Dotcom เกิดเมื่อยุคฟองสบู่แตก ช่วงนั้นต่างแตกตื่นกันมาก ก่อนจะล้มหายตายจากไป ความคุ้นชินเพื่อเดินไปฝาก-ถอนเงินผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารอาจมีให้เห็นลดน้อยลง ภาพคนยืนต่อแถวในการทำธุรกรรมการเงินอาจมีให้เห็นน้อยลง แต่ไม่ใช่หายไปเลย นั่นเพราะสังคมไทยหรือสังคมฝรั่ง ช่องทางสาชาธนาคารมีมิติทางธุรกรรมที่ลึกซึ้งกว่านั้น
Cashless Society ภาพอนาคตที่คาดหวังไว้ แน่นอนว่าจะเกิดขึ้นเพียงแต่เราต้องไม่ตื่นตูม เพราะธุรกิจธนาคารต่างพร้อมปรับตัวเองสู่ Digital Banking อยู่แล้ว
ดังนั้น การวางยุทธศาสตร์เพื่อสร้างความได้เปรียบในช่วงที่กำลังเกิดการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่นี้ ถือเป็นเรื่องที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
FinTech Effect น่าจะให้เกิดภาพใหม่ของ Ecosystem ให้หลายอุตสาหกรรมจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญเพียงแค่ว่า Effect ในโลกธนาคาเป็นแค่จุดเริ่มของการเปลี่ยนแปลงเท่านั้น
วิทยา กิจชาญไพบูลย์ (บรรณาธิการบริหาร Business+)
ขอบคุณข้อมูลจาก Business +
*********************************************************************************************************

บำรุงรักษาจิตใจให้สะอาดผ่องใส
การชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ผ่องใส ขั้นแรกควรจะต้องชำระกิเลสหรือสิ่งปรุงแต่งในสันดานตามธรรมชาติมนุษย์ให้หมดก่อน ได้แก่ ความตระหนี่ เพราะมเื่อคนเราถูกความตระหนี่เข้าครอบงำจิตใจแล้วก็เหมือนเป็นยางเหนียวที่เกาะกุมจิดไม่ให้สะอาดอยู่ร่ำไป ไม่อาจชำระจิตให้สะอาดได้ เพราะต้องการของปรุงแต่งมาเจือจิตให้หม่นหมองลงไปอยู่เรื่อยๆ
ทานจึงเปรียบเสมือนเครื่องมือในการชำระล้างจิตที่มีความตระหนี่เพราะการให้ทานถือเป็ฯการสละทรัพย์ภายนอกที่ตัวเองมี โดยมุ่งหวังว่าผู้รับจะได้ประโยชน์และความสุข ทานนั้นมีอยู่ 2 แบบ ที่รู้จักกันดีและทำได้ง่ายมากก็คือ วัตถุทานและอภัยทาน
ทานที่เป็นวัตถุทานก็เช่น เงินทอง ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆที่เรามีอยู่และได้มาด้วยความสุจริต รวมถึงแหล่งที่มาของเงินที่มาซื้อวัตถุทานด้วยวัตถุทานที่มีความบริสุทธฺิ์โดยการแสวงหามาโดยชอบธรรมนั้น ไม่ได้จำกัดความว่าจะต้องเป็นของมีค่า มีมากหรือมีน้อย ประณีตหรือหยาบๆก็ได้ ไม่สำคัญ ขอเพียงว่าเราหาทรัพย์นั้นมาได้ตามกำลังและศรัทธาตั้งมั่นในความดี
ส่วนเจตนาที่ให้ควรจะต้องบริสุทธิ์ เพราะจุดมุ่งหมายของการให้ทานก็เพื่อขจัดความโลภ ที่ว่าเจตนาที่บริสุทธิ์นั้นต้องบริสุทธิ์ด้วยกัน 3 ระยะคือระยะก่อนที่จะให้ทาน ระยะที่กำลังให้ทาน และระยะหลังจากให้ทานไปแล้ว คือมีความรู้สึกเป็นสุขอิ่มเอมใจสมบูรณ์ทั้ง 3 ช่วง
ขอบคุณ HIVE issue 35
update 17/06/2017
*****************************************************************************************************
.5 ประโยชน์ของ Social Media ที่จะช่วยทำให้ชีวิตดีขึ้น
1. แหล่งความบันเทิงชั้นยอดทั้งภาพ เสียง คลิปวิดีโอ
2. ทำให้ครอบครัวและเพื่อน ใกล้ชิดกันมากขึ้น
3. รู้เทรนด์ ทันโลก ไม่พลาดทุกข่าวสาร
4. สร้าง contact ได้ง่ายๆ
5. เป็นเครื่องเตือนความจำที่ดี (เบอร์โทร อีเมล์ วันเกิด)

7 เคล็ด (ไม่) ลับ
ให้โทรศัพท์ของคุณเหมือนใหม่ตลอดอายุการใช้งาน
1. ไม่ใช้อุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน
2. หมั่นทำความสะอาดเครื่อง
3. ติดฟิลม์กันรอยและเปลี่ยนตามระยะเวลาการใช้งาน
4. เคสที่ใช้ไม่ควรแข็งจนเกินไป
5. ไม่ใส่โทรศัพท์รวมกับอุปกรณ์อื่นๆ
6. หลีกเลี่ยงความชื้น
7. ปิดอินเตอร์เนตแอพพลิเคชั่นเมื่อไม่ใช้งาน
ขอบคุณข้อมูล banana digital culture magazine